วันก่อนค่ะ อ.มาเก็ตติ้งส่งเกรดมาพร้อมกับเลิฟโน้ตค่ะ พร้อมกับบอกว่า ฮัลโหลๆ ท่านพ่อทุกสถาบัน Phillip Kotler ได้ออกหนังสือเล่มใหม่ คือ marketing 4.0 หน้าตาก็ประมาณนี้


(รูปภาพจากหนังสือ Marketing 4.0)
วันก่อนค่ะ อ.มาเก็ตติ้งส่งเกรดมาพร้อมกับเลิฟโน้ตค่ะ พร้อมกับบอกว่า ฮัลโหลๆ ท่านพ่อทุกสถาบัน Phillip Kotler ได้ออกหนังสือเล่มใหม่ คือ marketing 4.0 หน้าตาก็ประมาณนี้
ทุกๆปี วงการโฆษณาและการตลาดจะมีการแชร์โฆษณาโคตรเจ๋ง ที่ฉายในรายการ superbowl ซึ่งเป็นการแข่งขัน American Football แห่งชาติของอเมริกา และก็เป็นช่วงเวลาที่ค่าโฆษณาแพงสุดด้วย
อันที่ชอบมากๆสำหรับเราคือสองอันนี้ (แนะนำให้ดูคลิปก่อนจะได้ไม่สปอย)
AXE -โฆษณา ที่เล่นกับการเล่าเรื่อง และการค้นหาตัวตนได้อย่างดี หลายคนชอบพูดว่า เออ เราไม่ต้องการ xx หรอกในเมื่อเรามี yy แล้ว ซึ่ง axe ก็เอาตรงนั้นมาเล่น แล้วบอกว่า ให้คุณหา yy ของคุณสิ
Mini – โฆษณารถ ที่ไม่มีรถ ไม่มีผู้ชาย (ซึ่ง 99% ของโฆษณารถต้องมีรถ และส่วนใหญ่แล้วก็เน้นเอาผู้ชายเป็นพรีเซนเตอร์ เพราะผู้ชายบ้ารถกว่าผู้หญิง) ชอบมากกกกกกก เพราะรถมินิ มันเลยจุด functional ไปแล้ว และเน้นขาย emotional ซึ่งเค้าทำได้ดีมากกกกกกกกก สื่อภาพ brand image ได้โคตรชัดดด
Mini
วันก่อนเห็นเพื่อนแชร์มาใน Facebook เรื่องของ Brand Identity Prism ซึ่งเราว่ามันก็เป็นตัวนึงที่สามารถเอามาใช้ได้ ในการสร้างแบรนด์ หรือวิเคราะห์แบรนด์
โดยไอ่ Brand Identity Prism นี้ จะมาจากทั้งที่แบรนด์มองตัวเอง (picture of sender / constructed source) และภาพที่คนอื่นมองแบรนด์ (picture of receiver / constructed receiver) รวมถึงเป็นทั้ง สิ่งที่จับต้องได้จริงๆ และ ภาพลักษณ์ต่างๆ โดยประกอบด้วย 6 ส่วนหลักๆได้แก่
1 Physique รูปร่างลักษณะของแบรนด์ เป็นสิ่งที่คนนึกออกเมื่อนึกถึงแบรนด์นี้ เช่น อย่างของไนกี้ก็คือ โลโก้ของไนกี้เอง และ สโลแกน “Just Do It”
2 Personality บุคคลิกภาพ ลักษณะของแบรนด์ ที่อาจจะสื่อมาทั้ง ad copy, design หรือ พรีเซ็นเตอร์ ฯลฯ เช่น อย่างของไนกี้ก็คือเป็นนักกีฬา มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง
3 Culture คืออีแบรนด์เนี้ย มี culture แบบไหน เช่น เป็น ไนกี้เป็นแบบ american สปอร์ตหน่อยๆ และเน้นแข็งแรง
4 Relationship คือแบรนด์เนี้ย ให้อะไรกับลูกค้า เช่น ไนกี้ ให้ความสบายในการวิ่ง และให้แรงกระตุ้นว่ามึงไปวิ่งซะ
5 Reflection (of consumer) ว่า ถ้าให้คิดว่าลูกค้าแบรนด์นี้ควรจะเป็นใคร อย่างของไนกี้ก็เป็นคนที่มีพลังงานเหลือเฟือ อาจจะ aggressive นิดๆ ยังเป็นวัยรุ่น และ เลือกแบรนด์
6 Self-Image คือแบรนด์มองว่าตัวเองเป็นใคร เช่นของไนกี้ก็คือ ฉันเท่ ฉันเป็นนักกีฬา และชั้นเป็นคนที่เลือกแบรนด์นะจ๊ะ
ลองมาดูตัวอย่างแบรนด์อื่นๆที่เราน่าจะรู้จักกัน
คลิ๊กดู >> ที่มาของรูป
คลิ๊กดู >> คำอธิบายแบบโคตรละเอียด
ขอ disclaimer แปป ว่า การจะทำโมเดลใดๆไปใช้ ขอให้พังตระหนักว่านี่เป็นเพียง 1 ในหลายร้อยโมเดลที่มีคนคิดออกมา มันอาจจะใช้กับแบรนด์ของคุณได้โค่ดเวิร์ค หรืออาจจะไม่เวิร์คเลยก็ได้